8919 จำนวนผู้เข้าชม |
การตัดโลหะเป็นกระบวนการที่มีบทบาทสำคัญในงานอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมหนักและอุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมถึงงานในครัวเรือนด้วย การตัดโลหะที่มีประสิทธิภาพทำให้การออกแบบชิ้นงานต่างๆ มีอิสระมากขึ้น การดัดแปลงและซ่อมแซมทำได้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น
เครื่องมือช่างสำหรับการตัดโลหะมีมากมายหลากหลาย เช่น แท่นตัดไฟเบอร์ เลื่อยจิ๊กซอว์ หรือหินเจียรก็ใช้ตัดโลหะได้ แต่บทความนี้จะกล่าวถึงเครื่องตัดพลาสม่าซึ่งเป็นเครื่องมือตัดโลหะที่นิยมกันมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเครื่องตัดพลาสมาสามารถตัดโลหะได้หลากหลายชนิด ทั้งตัดเหล็ก อลูมิเนียม คาร์บอน สเเตนเลส ทองแดง ทองเหลือง บรอนซ์ นิกเกิลอัลลอย เซอร์โครเมียม เป็นต้น เครื่องตัดพลาสม่ามีความสะดวก คล่องตัวในการใช้งาน ตัดชิ้นงานได้อย่างรวดเร็วและมีความเรียบร้อยสวยงาม
เครื่องตัดพลาสม่าที่จำหน่ายกันทั่วไปจะแบ่งรุ่นตามขนาดของกระแสไฟตัด เช่น รุ่น CUT-40 คือกระแสไฟตัดสูงสุด 40 แอมป์ รุ่น CUT-60 รุ่น CUT-100 เป็นต้น เครื่องตัดพลาสม่าที่นิยมใช้กันคือ รุ่น CUT-40 เพราะมีขนาดเล็กกะทัดรัด ตัดชิ้นงานได้ตั้งแต่ 0.3-12 มิล เหมาะกับงานขนาดเล็ก งาน DIY งานซ่อมแซมภายในครัวเรือน คุณภาพของชิ้นงานที่ตัดจะออกมาเรียบร้อยสวยงามมากแค่ไหนขึ้นอยู่กับความชํานาญของผู้ใช้เป็นส่วนสําคัญ การเลือกซื้อเครื่องตัดพลาสม่าให้เหมาะสมกับความหนาของชิ้นงานที่ต้องการตัด การเลือกใช้หัวตัดให้เหมาะสมกับขนาดตัวเครื่องและชิ้นงานที่ต้องการตัด รวมถึงก๊าซ (หรือลม) ตัวกลางที่นํามาเป็นส่วนของก๊าซพลาสมาด้วย
ข้อดีของการตัดโลหะด้วยเครื่องตัดพลาสม่า มีหลายประการ ได้แก่
1. สามารถตัดชิ้นงานที่มีความเว้าโค้งหรือรูปร่างต่างๆ ได้โดยง่าย
2. สภาพรอยตัดจะมีความราบเรียบและสวยงามมีความเรียบร้อย
3. สามารถทําความเร็วในการตัดโลหะได้
4. ความร้อนที่เกิดจากการตัด จะกระจายความร้อนในวงแคบๆ
5. มีความสะดวกในการใช้งานและใช้งานง่าย
แต่เครื่องตัดพลาสม่าก็มีข้อจำกัดเช่นกัน คือ
1. อาจเกิดอันตรายจากความร้อน, ไฟฟ้าช๊อต, แสงที่จ้า, ควันที่เกิดจากการตัด และระดับเสียงที่มากกว่าการตัดด้วยวิธีอื่น นอกจากนี้ยังควบคุมขนาดของการตัดได้ยากกว่าการตัดโดยใช้เครื่องมือตัด
2. อุปกรณ์มีราคาแพง
3. ใช้พลังงานมาก
สินค้าที่เกี่ยวข้อง